บาร์ซ่า โชว์ฟอร์มได้อย่างดุดันตลอดทั้งซีซั่น โดยพวกเขาการันตีแชมป์ลีกในแมตช์ชนะ เอสปันญ่อล เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์โดยที่ยังเหลือเกมอีก 4 แมตช์ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์สมัยแรกในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่ที่ทำได้เมื่อฤดูกาล 2018/2019
ขณะที่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เป็นแค่พระรองในฤดูกาลนี้โดยพวกเขาต้องเสียแชมป์ให้กับคู่ปรับตลอดไปอย่างน่าเจ็บปวด ที่สำคัญทีมของกุนซือคาร์โล อันเชลอตติมีคะแนนห่างจาก “เจ้าบุญทุ่ม” ถึง 10 แต้มเลยทีเดียว ถือเป็นการอำลา คาริม เบนเซม่า และ มาร์โก อเซนซิโอ ไม่ค่อยสวยหรู
ส่วน แอตเลติโก มาดริด ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเมื่อพวกเขาค่อยๆ เร่งเครื่องจนสามารถจบอันดับ 3 คว้าโควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ขณะที่ เรอัล โซเซียดาด พัฒนาทีมได้อย่างร้อนแรง สามารถเบียดทีมใหญ่อย่าง บียาร์เรอัล เข้าป้ายท็อปโฟร์ได้สิทธิ์ไปเล่นในถ้วยใบโตยุโรปครั้งแรกในรอบ 10 ปี
เนื่องจาก เซบีย่า ซึ่งจบอันดับ 12 ในตารางลีก ได้สิทธิ์ไปลุยในรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้ จากการที่พวกเขาคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ด้วยการชนะจุดโทษ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” โรม่า
ขณะที่ บียาร์เรอัล ที่ต้องช้ำจากการพลาดท็อปโฟร์ จะได้สิทธิ์ไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก โดยมี เรอัล เบติส ไปร่วมโม่เกือกด้วย ส่วน โอซาซูน่า จบอันดับ 7 ในตารางลีก คว้าสิทธิ์ไปลุยรอบเพลย์ออฟศึก ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก
4หันกลับมาดูในส่วนของโซนท้ายตารางต้องบอกว่าน่าเสียดายเหลือเกินที่ เรอัล บายาโดลิด, เอสปันญ่อล และ เอลเช่ ต้องโบกมือลาเกมลีกสูงสุดแดนกระทิงดุไปอย่างน่าเสียดาย
ในส่วนของสโมสรที่ได้เลื่อนชั้นอย่างเป็นทางการได้แก่ กรานาด้า ในฐานะแชมป์เซกุนด้า ดิวิชั่น ส่วน ลาส พัลมาส ได้ตั๋วในฐานะรองแชมป์ กระนั้นอีก 1 พื้นที่เป็นการดวลรอบเพลย์ออฟระหว่าง ลาบันเต้, อลาเบส, เออิบาร์ และ อัลบาเซเต้