จะเป็นอย่างไร! บทสรุปการประชุมข้อตกลงพรีเมียร์ ลีก ออกมาเเล้ว

หลังจากรัฐบาลออกมาไฟเขียวเรื่องการแข่งขันกีฬาในอังกฤษให้สามารถทำการแข่งขันได้อย่างเร็วที่สุดวันที่ 1 มิถุนายน ตอนนี้ทางพรีเมียร์ลีกก็ได้ออกแถลงการณ์ความคืบหน้าออกมาให้กับแฟนบอลได้ทราบกัน หลังเมื่อวานนี้มีการประชุมกับ 20 ทีมสโมสรสมาชิก กินเวลากว่า 5 ชั่วโมง โดยมีใจความสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้

1) แจ้งข่าวสำคัญว่า พรีเมียร์ลีกไม่มีทาง โมฆะ แน่นอน 100%

2) พรีเมียร์ลีก และ 20 ทีมสมาชิกยังเห็นตรงกันที่จะให้ฤดูกาลนี้ไปต่อ

3) เป็นครั้งแรกที่มีการคุยกันเรื่องยกเลิกการแข่งขันแล้วตัดจบ แต่จะพิจารณาแบบจริงจังก็ต่อเมื่อไม่สามารถจัดการแข่งขันต่อได้แล้วจริงๆเท่านั้น โดยจะนำวิธีการที่ยุติธรรมที่สุดมาใช้ในการจัดอันดับทีมเพื่อตัดสินหาแชมป์, หาทีมไปเล่นฟุตบอลยุโรป และหาทีมตกชั้น

4) สัญญาของนักเตะที่จะหมดในวันที่ 30 มิถุนายน ทางพรีเมียร์ลีกอนุญาตให้สโมสร และนักเตะสามารถขยายสัญญาต่อไปได้จนจบฤดูกาลด้วยความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ต้องดำเนินการก่อน 25 มิถุนายน อันเป็นเดทไลน์ที่ทางลีกกำหนด

5) สนับสนุนเสียงของ 20 สโมสร ที่ต้องการเตะในสนามของตัวเองแบบเหย้า&เยือน ตามเดิม มากกว่าที่จะไปเตะสนามเป็นกลาง โดยพรีเมียร์ลีกจะเป็นตัวแทนนำเรื่องนี้ไปเจรจากับหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ของทางรัฐบาลต่อไป

6) แจ้งข่าวร้ายแก่ 20 สโมสรว่า คงต้องมีการจ่ายค่าชดเชยให้กับคู่สัญญาถ่ายทอดสดทั้งในอังกฤษ และต่างประเทศ โดยจะจ่ายน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับว่าลีกจะกลับมาเตะได้หรือไม่ แต่ต้องจ่ายแน่ๆ โดยมีการคาดการณ์ว่าพรีเมียร์ลีกจะต้องจ่ายค่าชดเชยคืนให้กับทางคู่สัญญาถ่ายทอดสดเป็นเงิน 300-350 ล้านปอนด์ แม้ว่าลีกจะเตะต่อจนจบก็ตาม แต่ถ้าลีกดันยกเลิกไม่เตะแล้ว โดนแน่ๆ 762 ล้านปอนด์

7) ภายในสัปดาห์นี้ พรีเมียร์ลีกจะมีการนัดประชุมกับทางสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PFA) และสมาคมผู้จัดการทีมฟุตบอลลีก (LMA) เพื่อเสนอแผนการป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อให้ทั้งนักเตะ และผู้จัดการทีมมั่นใจว่าปลอดภัยหากกลับมาทำการแข่งขันต่อ

8) พรีเมียร์ลีกนัดประชุม 20 ทีมสมาชิกอีกครั้งในวันจันทร์หน้า เพื่อรายงานความคืบหน้า ก่อนที่จะมีการตกลงกันในขั้นต่อไป ว่าจะกลับมาเตะกันรูปแบบไหน วันที่เท่าไหร่

9) เส้นตายที่ทางยูฟ่าให้กับลีกต่างๆ คือ ต้องสรุปทุกอย่างให้ได้ภายในวันที่ 25 พฤษภาคม ว่าจะเตะต่อแบบไหน หรือจะยกเลิกแล้วตัดสินแชมป์จากวิธีใด ซึ่งแต่ละประเทศสามารถทำได้แต่ต้องอิงจากเกณฑ์ที่ทางยูฟ่าให้นโยบายไว้