ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 และต่อมาขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 แล้วนั้น
ด้วยเป็นการสมควรผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามลำดับขั้นตอนการควบคุมโอกาสเสี่ยงของบุคคล สถานที่ และประเภทกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก และตามผลการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายสาธารณสุข
นายกฯจึงออกข้อกำหนดเป็นการทั่วไปและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ โดยให้ผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจและดำเนินชีวิต โดยกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ประกอบด้วย การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในโรงแรม ท่าอากาศยานยาน สถานรถไฟ สถานีขนส่ง โรงบาล ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย
ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ ให้เปิดได้โดยอาจให้นำกลับไปบริโภคที่อื่น แต่หากเปิดให้ใช้บริการในสถานที่นั้น ก็สามารถทำได้โดยต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการตามมาตรการป้องกันโรค สำหรับร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ซึ่งจำหน่ายสุรา ให้เปิดได้แต่ห้ามการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน
ด้านพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า จากประเด็นดังกล่าว สามารถซื้อสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับจากร้านจำหน่ายได้ แต่ไม่สามารถนั่งดื่มในร้าน เริ่มมีผลวันที่ 3 พฤษภาคม
โดยคาดว่า ในวันที่ 2 พฤษภาคม ศบค.จะแถลงถึงรายละอียดทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งในส่วนกระทรวงมหาดไทยจะประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อทำความเข้าใจถึงมาตรการดังกล่าว และเป็นอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการพิจารณาและอนุญาตในแต่ละพื้นที่อีกครั้ง
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า แม้เจ้าหน้าที่จะผ่อนปรนให้จำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำกลับออกจากร้านจำหน่ายได้ แต่ไม่สามารถดื่มที่ร้าน หรือมั่วสุมกัน เพราะอาจเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งตอนนี้ ทุกคนยังต้องมีระยะห่างและสวมใส่หน้ากากอนามัย
ขอบคุณข้อมูลจาก thaismiletopic.com
Tags : เบียร์, เหล้า, โควิด-19