“ในฤดูกาลสุดท้ายผมได้คุยเรื่องนี้กับ หลุยส์ ฟาน กัล ผมมีสองฤดูกาลที่ดีมากกับทีมชาติ แต่ฤดูกาลสุดท้ายที่ แมนเชสเตอร์ ซึ่งมันเป็นฤดูกาลแรกของเขา (ฟาน กัล) มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ผมได้คุยกับ หลุยส์ ฟาน กัล และเขาบอกกับผมว่า ‘เอาล่ะ โรบิน ฉันเป็นโค้ช ส่วนนายคือนักเตะ นายต้องไปได้แล้วล่ะ เวลาของนายหมดแล้ว”
“ผมบอกกับเขาว่าผมยังมีสัญญากับสโมสร แต่เขาตอบกลับมาว่า ‘ฉันไม่สนหรอก’ ก่อนหน้านี้ผมเห็นแล้วว่ามันจะมีรอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่อะไรที่โหดร้ายแบบนี้กับวิธีการพูดของเขาด้วยเช่นกัน”
“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะหรอ ? ลูกของผมต้องไปโรงเรียน เขามีเพื่อนและทุกอย่างที่นี่ เพียงแค่เสี้ยววินาที เรื่องนี้ถาโถมเข้ามาแล้วคุณจะต้องทำยังไงต่อ ?”
“ผมบอกว่าผม โอเค นั่นเป็นความคิดของคุณแต่ผมยังมีสัญญาที่นี่ ผมและครอบครัวของผมมีความสุขที่อังกฤษ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะฉะนั้นเราจะมาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ผมจับมือเขาแล้วก็ลุกออกไปจากตรงนั้น ในระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ผมคิดตลอดว่าจะทำยังไงกับคำพูดเหล่านั้น มันโหดร้าย แข็งกร้าวและตรงไปตรงมามาก ทุกอย่างเต็มหัวผมไปหมด”
“หลังจากที่เราเริ่มแข่งปรีซีซั่น ผมไม่ได้ให้ลงสนามเป็น 11 คนแรก ผมพยายามยิ่งและใจเย็น แต่ก็มีหลายอย่างที่เกิดขึ้น”
“คุณอาจคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ส่งผลต่อคุณ แต่ความจริงแล้ว มันส่งผลอย่างมากต่อผม ครอบครัวผมและอาชีพของผมเป็นอย่างมากเลย”
Tags : หลุยส์ ฟาน กัล, เเมนฯยู, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่